การรักษาด้วยกระแสไฟฟ้า FES

การรักษาด้วยกระแสไฟฟ้า FES

เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ซึ่งเกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง เช่น สมองพิการ (Cerebral Palsy),โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และการบาดเจ็บของไขสันหลัง (Spinal Cord Injury)

งานวิจัยทางคลินิกจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าการกระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้าจะให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น หากเกิดขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวของแขนหรือขา แสดงให้เห็นว่าเมื่อเกิดการกระตุ้นไฟฟ้าตรงกับช่วงเวลาที่กล้ามเนื้อทำงานตามธรรมชาติทำให้ผลลัพธ์การฟื้นฟูดีขึ้น 

ผลลัพธ์นี้เรียกว่า การกระตุ้นไฟฟ้าแบบFES (Functional Electrical Stimulation – FES) หรือ การกระตุ้นไฟฟ้าแบบเป็นจังหวะ (Phasic Electrical Stimulation) เนื่องจากการกระตุ้นเกิดขึ้นเป็นจังหวะพร้อมกับการเคลื่อนไหวของแขนหรือขาที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งช่วยให้สามารถฟื้นฟูการทำงานของร่างกายที่เกี่ยวข้องได้

FES ช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อที่ได้รับผลกระทบเกิดการหดตัวและมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหว การทำซ้ำของการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องทั้งในโหมดการออกกำลังกายแบบแอคทีฟ (Active) หรือแบบพาสซีฟ (Passive) โดยใช้เครื่องฝึกสมัยใหม่ จะช่วยกระตุ้น กระบวนการสร้างเส้นทางประสาทใหม่ (Neuroplasticity) ซึ่งเป็นความสามารถของสมองในการสร้างการเชื่อมต่อใหม่แทนที่เส้นประสาทที่เสียหายจากโรคหลอดเลือดสมองหรือการบาดเจ็บของไขสันหลัง

เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า NeoStim 16

เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะที่สามารถ
กระตุ้นกล้ามเนื้อสูงสุด 16 มัดกล้ามเนื้อพร้อมกันเพื่อให้ กล้ามเนื้อเกิดการเคลื่อนไหวใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด
ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในเวลาที่สั้นลง

หลักการทำงานของ NeoStim 16

คือ การใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อที่มีความ บกพร่อง พร้อมกันหลายมัด เพื่อให้เกิดการหด คลายตัวของกล้ามเนื้อที่สอดคล้องกัน นำไปสู่ Function ที่ต้องการ โดยเรียกชื่อหลักการนี้ว่า Functional Electrical Stimulation (FES)

สามารถรักษาอาการใดได้บ้าง

  1. โรคสมองพิการ (Cerebral palsy)
  2. ภาวะหลังโรคหลอดเลือดสมอง (Post-stroke condition)
  3. ภาวะการบาดเจ็บกระดูกไขสันหลัง (Spinal cord injury)
  4. ภาวะการบาดเจ็บทางสมอง (Traumatic brain injury)
  5. ภาวะการบาดเจ็บเส้นประสาทส่วนปลาย (Peripheral nerve damage)
  6. ความบกพร่องของกระดูกไขสันหลังตั้งแต่กำเนิด (Spina bifida)

ข้อควรระวังในการใช้

  1. โรคติดเชื้อเฉียบพลัน
  2. มีไข้
  3. มีอาการชัก
  4. สตรีขณะตั้งครรภ์
  5. มีเลือดออกบริเวณที่จะรักษา
  6. โรคทางผิวหนัง
  7. ผู้ป่วยที่ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save